ประวัติการสถาปนากรุงธนบุรี
กรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อสงกรานต์ เดือน 5 เมษายน พ.ศ. 2310 แต่ก่อนจะเลิกทัพ กลับไป แม่ทัพพม่าตั้งให้สุกี้พระนายกอง เป็นนายใหญ่คุมกำลังประมาณ 3,000 อยู่ที่ ค่ายโพธิ์สามต้น ข้างเหนือพระนครศรีอยุธยา แห่งหนึ่ง แล้วให้ไทยชื่อ นายทองอิน คุมกำลังตั้งอยู่ที่เมืองธนบุรี อีกแห่งหนึ่ง สั่งให้คอยค้นหาผู้คน และสืบทรัพย์สมบัติ ซึ่งยังตกค้าง รวบรวมส่งตามไปเมืองพม่า ด้วยเหตุนี้ พม่าจึงยังมีอำนาจอยู่ใน กรุงศรีอยุธยา และหัวเมืองใกล้เคียง
พระเจ้าตากหนีออกจากพระนครศรีอยุธยา ก่อนกรุงแตก ไปรวบรวมผู้คน ทางเมืองชายทะเลตะวันออก อยู่ที่เมืองจันทบุรี
ครั้นได้นายทัพนายกองเพิ่มเติมมากขึ้น พอถึงเดือน 11 ปีกุน พ.ศ. 2310 ส้ินมรสุม พระเจ้าตากต่อเรือรบได้ 100 ลำ รวบรวมทหารทั้งไทยจีนได้ประมาณ 5,000 ก็ยกทัพเรือออกจากเมืองจันทบุรี จะเข้าขับไล่พม่า เมื่อจัดการเมืองชลบุร ีเรียบร้อยแล้ว ก็ยกกองทัพเรือมาเข้าปากน้ำเจ้าพระยา
ฝ่ายนายทองอิน ซึ่งพม่าให้ตั้งรักษาเมืองธนบุรี รู้ว่าพระเจ้าตากยกกองทัพเรือ เข้ามาทางปากน้ำ ก็ให้รีบขึ้นไปบอกแก่สุกี้แม่ทัพ ที่ค่ายโพธิ์สามต้น แล้วเรียกคนขึ้น รักษาป้อมวิไชยประสิทธิ์และหน้าที่เชิงเทินเมืองธนบุรี คอยจะต่อสู้ ครั้นกองทัพ พระเจ้าตากยกขึ้นมาถึง พวกรี้พลที่รักษาหน้าที่ เห็นว่าเป็นกองทัพไทยยกมา ก็ไม่เป็นใจที่จะต่อสู้ รบพุ่งกันหน่อยหนึ่ง พระเจ้าตากก็ตีได้เมืองธนบุรี จับตัวนายทองอินได้ ให้ประหารชีวิตเสียแล้ว ให้เร่งกองทัพขึ้นไปยังกรุงศรีอยุธยา เพื่อเข้าตีค่ายโพธิ์สามต้น
|
|
พระเจ้าตากสิน ทรงรวบรวมไพร่พล ยกเข้านีค่ายพม่า ที่โพธิ์สามต้น (ภาพเขียนโดย นายอ่อน จาก โคลงภาพพระราชพงศาวดาร
|
ภาพประติมากรรมนูนต่ำ ด้านทิศเหนือ แสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ ช่วงก่อนและหลัง พ.ศ. 2310 ที่ผนังของฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสิน วงเวียนใหญ่ กรุงธนบุรี
|
พระเจ้าตากตีได้ค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น อยู่ริมแควป่าสัก เหนือกรุงศรีอยุธยา ก็เท่ากับขับไล่พม่า แล้วยึดกรุงศรีอยุธยาคืนมา แต่ยังไม่ฟื้นฟูพระนคร กลับรวบรวม ไพร่พลลงไปสถาปนาเมืองธนบุรีให้เป็นกรุงธนบุรี นาน 15 ปี
เหตุการณ์ตอนนี้ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีพระนิพนธ์เป็นลำดับว่า
"เมื่อพระเจ้าตากมีชัยชนะพม่าแล้ว ตั้งพักกองทัพ อยู่ที่ในค่ายพม่า ที่โพธิ์สามต้น ขณะนั้นผู้คนและทรัพย์สมบัติ ซึ่งสุกี้มิได้ส่งไปเมืองพม่า เอารวบรวมรักษาไว้ ในค่ายแม่ทัพ มีพวกข้าราชการที่พม่าจักเอาไปไว้หลายคน คือ พระยาธิเบศร์บดี จางวางมหาดเล็ก เป็นต้น ต่างพากันมาเฝ้าถวายบังคมเจ้าตาก ทูลให้ทราบถึงที่ พระเจ้าเอกทัศสวรรคต สุกี้ให้ฝังพระบรมศพไว้ที่ในกรุงฯ และทูลว่า ยังมีเจ้านาย ซึ่งพม่าจับได้ ต้องกักขังอยู่ในค่ายนั้นหลายพระองค์ ที่เป็นพระราชธิดา ของพระเจ้าบรมโกษฐ์ คือ เจ้าฟ้าสุริยาพระองค์หนึ่ง เจ้าฟ้าพินทวดีพระองค์หนึ่ง เจ้าฟ้าจันทวดีพระองค์หนึ่ง พระองค์เจ้าฟักทองพระองค์หนึ่ง รวม 4 พระองค์ ที่เป็นชั้นหลานเธอ คือ หม่อมเจ้ามิตร ธิดาของกรมพระราชวังบวรมหาเสนาพิทักษ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) องค์หนึ่ง หม่อมเจ้ากระจาด ธิดากรมหมื่นจิตรสุนทรองค์หนึ่ง หม่อมเจ้ามณี ธิดากรมหมื่นเสพภักดีองค์หนึ่ง หม่อมเจ้าฉิม ธิดาเจ้าฟ้าจีด องค์หนึ่ง รวม 4 องค์ เจ้านายทั้ง 8 องค์นี้ เมื่อพม่าจับได้ประชวรอยู่ จึงยังมิได้ส่งไปยัง เมืองอังวะ
เจ้าตากทราบ ก็มีความสงสาร และแต่ก่อนมา เมื่อเจ้าตากได้เมืองจันทบุรีนั้น ก็ได้พบพระองค์เจ้าทับทิม ราชธิดาพระเจ้าเสือองค์หนึ่ง ซึ่งพวกข้าพาหนี ลงไปเมืองจันทบุรี เห็นจะเป็นเพราะเจ้าจอมมารดา เป็นญาติกับพระยาจันทบุรี เจ้าตากก็อุปการะทำนุบำรุงไว้ จึงสั่งให้จัดที่ให้เจ้านายประทับตามสมควร และให้ปล่อยคนทั้งปวง ที่ถูกพม่ากักขังไว้ แล้วแจกจ่ายทรัพย์สิ่งของ เครือ่งอุปโภคบริโภค ประทานให้พ้นทุกข์ทรมานด้วยกันทั้งนั้น แล้วจึงให้ปลูก เมรุดาดผ้าขาวที่ท้องสนามหลวง และให้สร้างพระโกศ กับเครื่องประดับ สำหรับงาน พระบรมศพตามกำลังที่จะทำได้
ครั้นเตรียมการพร้อมเสร็จ เจ้าตาก จึงเสด็จเข้ามาตั้งพลับพลาอยู่ที่ในกรุงฯ ให้ขุดพระบรมศพพระเจ้าเอกทัศ เชิญลงพระโกศ ประดิษฐานที่ในพระเมรุ ที่สร้างไว้ ให้เที่ยวหาพระสงฆ์ ซึ่งยังมีเหลืออยู่ นิมนต์มารับทักษิณานุปทาน และสดับปกรณ์ ตามประเพณี แล้วเจ้าตากกับเจ้านายในพระราชวงศ์เดิม และข้าราชการทั้งปวง ก็ถวายพระเพลิง พระบรมศพและประจุพระอัฐิธาตุ ตามเยี่ยงอย่าง สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนมา
 |  |
พระประติมากรรมนู่นต่ำ ด้านทิศใต้ แสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ ช่วงก่อนและหลัง พ.ศ. 2310 ที่ผนังฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสิน
|
พระบรมรูป สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่พระตำหนักเก๋งคู่ ในพระราชวังเดิม กรุงธนบุรี
|
ในหนังสือพระราชพงศาวดาร กล่าวว่า เมื่อเจ้าตาก ทำการพระบรมศพ พระเจ้าเอกทัศเสร็จแล้ว คิดจะปฏิสังขรณ์พระนครศรีอยุธยา ตั้งเป็นราชธานี ดังแต่ก่อนมา จึงขึ้นทรงช้างที่นั่งเที่ยวทอดพระเนตรในบริเวณพระราชวัง และประพาสตามท้องที่ในพระนคร เห็นปราสาทราชมนเทียร ตำหนักใหญ่น้อย ทั้งอาวาสวิหาร และบ้านเรือนชาวพระนคร ถูกข้าศึกเผาทำลายเสียเป็นอันมาก ที่ยังดีอยู่นั้นน้อย ก็สังเวชสลดพระหฤทัย ในวันนั้น เสด็จเข้าไปประทับแรม อยู่ที่พระที่นั่งทรงปืน อันเป็นท้องพระโรงที่เสด็จออกข้างท้ายวังมาแต่ก่อน เจ้าตาก ทรงพระสุบินว่า สมเด็จพระเจ้าแผ่นดินแต่ก่อนมาขับไล่ มิให้อยู่ ครั้นรุ่งเช้า จึงเล่าพระสุบินให้ข้าราชการทั้งปวงฟัง แล้วดำรัสว่า เดิมเราคิดจะปฏิสังขรณ์ พระนครให้คืนดีดังเก่า แต่เมื่อเจ้าของเดิมท่านยังหวงแหนอยู่ฉะนี้ เราชวนกัน ไปสร้างเมืองธนบุรีเถิด
แล้วเจ้าตาก ก็ให้อพยพผู้คนลงมาตั้งราชธานี อยู่ที่เมืองธนบุรี แต่นั้นมา"
เมื่อกำจัดศัตรูของราชอาณาจักรศรีอยุธยาได้แล้ว พระเจ้าตากลงมาตั้งมั่้น อยู่เมืองธนบุรี (ดังกล่าวแล้ว) พระนิพนธ์สามกรุงของ น.ม.ส. พรรณนาว่า
• แถลงปางสร้างราชธานี | กรุงธนบุรี |
บุราณนครก่อนมา ฯ | |
• ริมฝั่งแม่น้เจ้าพระยา | นานานาวา |
ก็พักก็ผ่านด่านทาง ฯ | |
• ตั้งอยู่ตำบลหนกลาง | บางกอกสองบาง |
ซึ่งน้อยและใหญ่ใกล้กัน ฯ | |
ต่อแต่นี้ ก็ทรงเป็นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่ทรงทำให้สถานะ พระมหากษัตริย์ ของราชอาณาจักรศรีอยุธยาเด่นชัดและสมบูรณ์อย่างไม่เป็นที่สงสัยอีกต่อไป
| |
กรุงศรีอยุธยา เสียแก่พม่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310 แต่ก่อนหน้านั้นราว 3 เดือนกว่า สมเด็จพระเจ้า กรุงธนบุรี เมื่อยังเป็นพระยาตาก ได้พาสมัครพรรคพวก ไพร่พลไทยจีนจำนวนหนึ่ง ตีฝ่ากองทัพพม่า มุ่งหน้าไปทางชายทะเลตะวันออก
พระยาตาก ไม่ใช่ทั้งคนแรก และคนสุดท้าย ที่ได้ละทิ้งหน้าที่หลบหนีไป เพราะระบบการเมือง และสังคมของราชอาณาจักรศรีอยุธยา ได้ล่มสลายลง ก่อนที่พม่าจะระเบิดป้อมทลายกำแพงแล้ว แต่นานไม่ถึง 9 เดือน หลังเสียกรุง พระยาตาก ได้ประกาศพระองค์ เป็นพระมหากษัตริย์ที่คนทั่วไปเรียกกันภายหลังว่า พระเจ้าตาก ยกกองทัพเรือจากเมืองจันทบุรี มายึด กรุงศรีอยุธยาคืน แล้วฟื้นฟูราชอาณาจักรศรีอยุธยา ขึ้นมาใหม่ ชื่อกรุงธนบุรี
พระเจ้าตาก
อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เขียนไว้ในหนังสือ การเมืองไทยสมัยพระเ
|
กรุงธนบุรี จิตรกรรมในท้องพระโรง กรุงธนบุรี เมืองโบราณ สมุทรปราการ
|
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี นักธรรมชาติวิทยา ชาวเดนมาร์ก ผู้เคยพบเห็นพระองค์ และรายงานไว้ว่า ทรงเป็น "ลายร่างเล็ก" แต่พระราชประวัติ และวีรกรรม ของพระองค์ยิ่งใหญ่ยิ่ง เป็นเหตุให้มีผู้แต่ง เสริมต่อเรื่องราวของพระองค์ ออกไปจนดูราวกับ "นิยาย" ทั้ง ๆ ที่สาระสำคัญของพระราชประวัติ สั้นนิดเดียว ดังนี้
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงพระราชสมภพในฐานะ สามัญชน ลูกชาวจีน มีอาชีพค้าขายทางเกวียน และแม้ยังมีถิ่นฐานบ้างช่อง และญาติพี่น้อง อยู่ในภาคกลาง โดยเฉพาะที่พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี แต่ก็ได้ทำการค้าอยู่ในหัวเมืองเหนือชายแดน
เมื่อสบโอกาส ก็ได้เข้ารับราชการในหัวเมืองไกล คือ ตาก-ระแหง แะลในที่สุดก็ได้รับแต่งตั้ง เป็นเจ้าเมืองตาก
ทรงเสกสมรสกับสามัญชนด้วยกัน ซึ่งมิได้มาจาก ตระกูลใหญ่นัก
ในสงครามครั้งเสียกรุง ได้กวาดต้อนไพร่พล หลบพม่าลงมาเป็นกำลังแก่กรุงศรีอยุธยา ได้บำเหน็จ ความชอบจากการนั้นจ้ากรุงธนบุรี
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น